1 พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ผู้ซึ่งเป็นพระบุตรของเรา ดังนั้นผู้ทรงภูมิปัญญา นั่นก็คือบุตรมนุษย์ ในฐานะที่ถูกสร้างมาพร้อมกับผงคลีดิน และผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากอาดัม ผู้ที่อยู่ในกรอบของการรักษาพระสัญญาที่อาเบล ได้ทรงยอมสละชีวิต ดังนั้นแล้ว ผู้ที่ได้รับการบังเกิดใหม่ทางฝ่ายวิญญาณและเข้าหาพระนิเวศของพระเจ้า ผู้นั้นจะได้รับการเรียกเผ่าพันธุ์ตั้งแต่อดีตกาลว่า ชาวสวรรค์ 

2 คาอิน ได้สังหารอาเบลและได้แต่งงานกับลูกหลานของลิลิธ ร้อยพันพ่อ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจะตั้งชื่อคนกลุ่มนั้นว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์ และเราจะเป็นคนชุมเลี้ยงดูแลเขา เมตตาเขา สงสารเขา ก็ต่อเมื่อเราทรงมองจดจ่ออยู่ที่ผู้นั้นหรือผู้ใดตาม พระประสงค์ของเรา พระเจ้า 

3 เมื่อถึงวันมรณภาพของอาดัมและเอวา ในขณะนั้น พระเจ้าทรงประทับตราของคาอิน ไว้ที่หน้าผาก พวกเราจึงตั้งชื่อพวกเขาว่า มนุษย์ โดยเสียงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึง มโนธรรมแห่งความคิดในห้วงลึกของก้นบึ้งแห่งขอบเหว ดังนั้นแล้ว ผู้ทรงภูมิปัญญาทั้งหลายได้ตกหล่นลงไป ณ.ขอบเหวแห่งนั้น โดยผู้ที่เราได้ประทับตราไว้ และเราได้ทำการรับ ผู้ทรงภูมิปัญญาทั้งหลายไปอยู่กับเราก่อนหน้าแล้ว คือ เอโนด ก่อนที่เรา พระเยโฮวาห์ จะทำการชำระล้างโลก และให้ โนอาห์เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยเรา 

4 เหตุฉะนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงแลเห็นผู้มีค่าควรแก่แผนแห่งความรอดของเรา เราจึงไว้ชีวิตผู้นั้น ในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจาก โนอาห์ และเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากคาอิน ที่ได้ถูกชำระ ผลานสิ้นชีพไปเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ ที่จะมารับความตายทางฝ่ายวิญญาณ เพื่อที่พวกเราทั้งหลายจะได้เตรียมรับเสด็จสู่สวรรค์ เหมือนกับลูกหลานของ เอวา ขอให้พวกท่านทั้งหลาย จงว่างใจในการตายของพระผู้ไถ่ ที่จะเสด็จกลับมาอย่างรุ่งโรจน์ รับพวกเราทั้งหลายสู่แผ่นดิน ฟ้า สวรรค์ โลกใหม่ รับการแต่งงานตามความปรารถนาใจ สำหรับคนที่ไม่สามารถหาคู่พระพรได้ในโลกตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ในฐานะธรรมมิกชน อาแมน 

1 จงกล่าวเถิดผู้ประเสริฐว่า ได้มีการเปิดเผยมายังฉันว่า แท้จริงพวกภูตจำนวนหนึ่งได้ฟังฉัน (ได้ยินข่าวประเสริฐ) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินข่าวดีที่แปลกประหลาด 

2 ที่นำไปสู่ทางที่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจึงศรัทธาต่อพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น และเราจะไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระเจ้าของเรา 

3 และความจริงนั้น ความยิ่งใหญ่แห่งพระเยโฮวาห์ของเรานั้นทรงสูงส่งยิ่ง เทพเจ้าไม่มีภริยาและไม่มีบุตร 

4 และแท้จริง คนโง่ในหมู่พวกเราได้กล่าวร้ายต่อพระเยซูคริสต์อย่างเกินเหตุ

5 และแท้จริงเราคาดคิดว่า มนุษย์และภูตจะไม่กล่าวเท็จต่อผู้สร้างเป็นอันขาด

6 และแท้จริงมีมนุษย์บางคนเคยขอความคุ้มครองจากภูตบางคน ดังนั้นพวกเขา (มนุษย์) จึงทำให้พวกเขา (ภูต) มีความเฮี้ยนขึ้น เย่อหยิ่ง และสดสยองมากขึ้น 

7 และแท้จริงพวกเขา (มนุษย์) คาดคิดเช่นเดียวกับที่พวกท่าน (ภูต) คาดคิดว่าพระยาห์เวห์ จะไม่ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้น (เป็นผู้เผยพระวจนะ)

8 และแท้จริงเราได้ค้นคว้าหาข่าว ณ ชั้นฟ้า แต่เราได้พบ ณ ที่นั่งเต็มไปด้วยยามเฝ้าผู้เข้มแข็งและเปลวเพลิง

9 และแท้จริงเราเคยนั่ง ณ สถานที่นั่งในท้องฟ้านั้นเพื่อฟัง แต่ขณะนี้ผู้ใดนั่งฟังเขาก็จะพบทะเลไฟที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเขา

10 และแท้จริงเราไม่รู้ดอกว่า ความชั่วร้ายนั้นจะถูกให้มีขึ้นแก่ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินนี้ หรือว่าพระเจ้าของพวกเขาปรารถนาแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขา

11 และแท้จริงในหมู่พวกเรานั้นมีคนดีและในหมู่พวกเราก็มีคนอื่นจากนั้น พวกเราอยู่ในแนวทางที่แตกต่างกัน

12 และแท้จริงเราคาดคิดว่า เราจะไม่รอดพ้นจาก (การลงโทษ) ของเอโลฮิมในแผ่นดินนี้ และเราจะหนีไม่รอดพ้นไปจากพระองค์ 

13 และแท้จริงเมื่อเราได้พระคัมภีร์เราก็ศรัทธาต่อข่าวประเสริฐนั้น ดังนั้นผู้ใดศรัทธาต่อพระเจ้าของเขา เขาก็จะไม่หวั่นเกรงต่อการขาดทุน และการอยุติธรรม 

14 และแท้จริงในหมู่พวกเรามีผู้ที่เป็นคริสเตียน และในหมู่พวกเรามีผู้อธรรม ดังนั้นผู้ใดยอมจำนนชนเหล่านั้นพวกเขาได้มุ่งสู่แนวทางที่ถูกต้อง

15 และส่วนบรรดาผู้ที่หันห่างออกจากความจริง พวกเขาก็เป็นฟืนของไฟนรก 

16 และหากพวกเขาธำรงมั่นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงธรรม แน่นอนเราก็จะให้พวกเขามีพระพรกว้างขวาง

17 เพื่อเราจะทดสอบพวกเขาในเรื่องนี้ และผู้ใดหันห่างจากการรำลึกถึงพระเจ้าของเขา พระองค์จะให้เขาได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส

18 และว่าแท้จริงบรรดากลุ่มผู้ศรัทธานั้นเป็นของเอโลฮิม ดังนั้น พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับพระยาห์เวห์ 

19 และว่าแท้จริงเมื่อบุตรของพระยาห์เวห์ (ผู้ประเสริฐ) ยืนขึ้นกล่าววิงวอนขอต่อพระองค์พวกเขา (ภูต) ก็ได้ห้อมล้อมเขาอย่างหนาแน่น ในสงคราม จนกระทั่งเขาถูกแก้ด้วยพลังแห่งไสยศาสตร์ ด้วยลูกศรเพลิงหน้าไม้ อารักขาผู้ติดตามของสัตว์ป่า ทำให้ยานพาหนะที่เหมือนดังอีกาลองหนเสียการทรงตัวในอากาศ 

20 จากนั้นเขาวิงวอนขอต่อพระเจ้าของฉัน และเราจะมิตั้งผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์ 

21 แท้จริง ข้าพระองค์ไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกท่าน

22 ไม่มีใครหรือผู้ใดจะคุ้มครองฉันให้พ้นจาก (การลงโทษของ) บึงไฟนรกได้ และฉันจะไม่พบที่พึ่งอันใดอื่นจากพระผู้ไถ่บาปของพวกเขา 

23 เว้นแต่ฉัน ( ภูตผี ) จะเผยแผ่ (สิ่งที่รับ) จากพระวิญญาณ และสาส์นของพระองค์ และผู้ใดฝ่าฝืนพระเจ้า และทำลายหัวใจผู้ที่รักใคร่ศรัทธาในสิ่งเร้นลับที่ได้รับจากพระเจ้าของเขาเสีย สำหรับผู้ทำลายนั้นคือไฟนรก เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล

24 จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ แล้วพวกเขาก็จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้อ่อนแอยิ่งในการเป็นผู้ช่วยเหลือและมีจำนวนน้อยกว่า

25 จงกล่าวเถิดผู้ประเสริฐ ฉันไม่รู้สิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น หรือว่าพระเจ้าของฉันจะทรงกำหนดเวลาการลงโทษนั้นให้ห่างไกลออกไป

26 พระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ ดังนั้นพระองค์จะไม่ทรงเปิดเผยสิ่งเร้นลับของพระองค์แก่ผู้ใด เว้นแต่ผู้ที่ตื่นรู้ด้วยตนเองโดยไม่ผ่านดวงจิตจากสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา 

27 นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงยินดีเช่นศาสดา ดังนั้นพระองค์จะทรงส่งผู้พิทักษ์เฝ้าดูแลข้างหน้าและข้างหลังเขา

28 เพื่อพระองค์จะทรงรู้ว่า แน่นอนพวกเขาได้เผยแผ่สาส์นของพระเจ้าของพวกเขาแล้ว และพระวิญญาณได้ทรงห้อมล้อม (รอบรู้) ทุกสิ่งที่อยู่ ณ ที่พวกเขา และพระองค์ทรงนับจำนวนทุก ๆ สิ่งไว้อย่างครบถ้วน โอ้..ผู้ได้รับพร